บทวิเคราะห์และสรุปผล

          รัสเซีย เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิอากาศหนาวเย็น ซึ่งสภาพอากาศดังกล่าว อาจเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของไวรัสโคโรน่าภายนอกร่างกายมนุษย์ ประกอบกับความหนาแน่นของประชากรที่รัสเซียมีจำนวนประชากรมากถึง 143 ล้านคน และพฤติกรรมของมนุษย์ที่ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของรัสเซีย ประชากรมีความเป็นสังคมเมืองมากกว่าสังคมชนบท ชอบความอิสระและเสรี ซึ่งอาจส่งผลในการปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐในการควบคุมโรคได้

          ไทย เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งสภาพอากาศอาจไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แม้ว่าความร้อนจะหยุดการระบาดไม่ได้ แต่ก็อาจช่วยชะลอความรุนแรงของสถานการณ์ อีกทั้งประชากรของไทยที่มีจำนวน 69 ล้านคน แต่ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของไทย ประชากรมีความเป็นอยู่แบบสังคมเกษตรกรรมเป็นส่วนมาก และดำรงชีวิตอยู่อย่างง่าย ๆ ซึ่งก็อาจทำให้ภาครัฐสามารถกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการควบคุมโรค และประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

          สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ถึงแม้จำนวนของผู้ติดเชื้อระหว่างไทยและรัสเซียแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากสภาพทั่วไปของประเทศดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น แต่หากพิจารณาจำนวนของผู้ที่ได้รับการรักษาหายแล้ว พบว่า ไทยและรัสเซียต่างมีอัตราการรักษาหายอยู่ในระดับสูง อีกทั้งจำนวนของผู้เสียชีวิต ทั้งสองประเทศก็อยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่าทั้งไทยและรัสเซีย ต่างมีการกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคได้ดีไม่แตกต่างกัน และแสดงให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่ดี แต่ในกรณีของการดำเนินการในส่วนภูมิภาคของประเทศนั้น ไทยได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน      พ.ศ. 2548 และคำสั่งจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการฯ จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ แต่ในส่วนของรัสเซียนั้น รัฐบาลกลางได้ให้อำนาจรัฐบาลท้องถิ่นในการกำหนดรายละเอียดของมาตรการต่าง ๆ ซึ่งการดำเนินการในแต่ละพื้นที่อาจมีการกำหนดมาตรการ หรือความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่าง ๆ แตกต่างกัน ซึ่งก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการควบคุมป้องกันโรคของรัสเซีย