ข้อเตือนใจสำหรับข้าราชการผู้ไม่ประสงค์จะรับราชการเพื่อจะไม่ตกเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัย ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการ

7 กุมภาพันธ์ 2560

 วันนี้ “ก.พ.ค. ขอบอก” มีประเด็นน่าสนใจเพื่อเตือนใจข้าราชการผู้ไม่ประสงค์จะเป็นข้าราชการอีกต่อไปแล้วมาบอกกันนะคะ 

            เรื่องนี้ผู้อุทธรณ์ขาดราชการติดต่อกันเกินกว่า ๑๕ วันและไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย กระทั่งถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษมายัง ก.พ.ค. โดยอ้างว่าตนมีปัญหาสุขภาพแต่ไม่มีเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล  มีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรโดยลำพังเนื่องจากเลิกร้างกับสามี  ทำให้บางครั้งไม่มีเงินไปทำงานและป่วยจึงขาดราชการบ่อย  ผู้อุทธรณ์มีปัญหา
ต่าง ๆ มากมายทำให้เกิดความเครียดจนไม่อาจมาปฏิบัติราชการได้  ขอให้ ก.พ.ค. พิจารณาให้ความเป็นธรรมโดยนำประวัติการปฏิบัติราชการของผู้อุทธรณ์มาพิจารณาประกอบและลดโทษให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วย

            ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำผิดฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร  นอกจากจะต้องเป็นการขาดราชการแล้ว การขาดราชการนั้นต้องเป็นการขาดราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ดังนั้นหากมีกรณีการเจ็บป่วยจนมีผลกระทบต่อการปฏิบัติราชการอาจถือว่าเป็นเหตุ
อันสมควรได้  ตามข้ออุทธรณ์จึงมีประเด็นว่าการขาดราชการดังกล่าวของผู้อุทธรณ์ถือว่า “มีเหตุอันสมควร” หรือไม่  เมื่อผู้อุทธรณ์ไม่มีหลักฐานใดยืนยันที่ชี้ให้เห็นว่า
เจ็บป่วยจริง ประกอบกับเดิมผู้อุทธรณ์เคยมีหนังสือลาออกจากราชการเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น แต่ต่อมามีหนังสือแจ้งว่าไม่ประสงค์จะลาออก ขอให้ระงับการลาออกไว้ก่อน  ซึ่งในชั้นสืบสวนข้อเท็จจริงมีผู้ให้ถ้อยคำว่าผู้อุทธรณ์เดินทางไปประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เพื่อไปทำธุรกิจกับญาติ  นอกจากนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้อุทธรณ์ไม่มาปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จนถึงวันที่มีคำสั่งลงโทษ และไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อผู้อุทธรณ์ได้  ก.พ.ค. เห็นว่าพฤติการณ์ของ
ผู้อุทธรณ์ถือว่าเป็นการขาดราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดย
ไม่มีเหตุอันสมควรแล้ว

            ส่วนระดับโทษ กรณีละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย ได้มี
หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร ๐๒๐๕/ว ๒๓๔ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๖ แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีซึ่งวางแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดวินัย
อย่างร้ายแรงกรณีดังกล่าวว่า ระดับโทษที่สมควรเป็นไล่ออกจากราชการเท่านั้น การกล่าวอ้างประวัติและผลงานในอดีตมาเป็นเหตุอันควรลดหย่อนโทษยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้เปลี่ยนแปลงระดับโทษอันเป็นแนวทางที่กำหนดโดยนโยบายรัฐบาล  จึงถือว่าระดับโทษเหมาะสมแก่กรณีความผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยยกอุทธรณ์

            จากกรณีตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า เหตุผลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจนไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้แม้จะสามารถยกขึ้นกล่าวอ้างเป็น “เหตุอันสมควร” ได้ แต่จะต้องมีพยานหลักฐานประกอบที่ชัดเจนและเพียงพอให้พิจารณาได้ความเช่นนั้น  และหากละทิ้งหน้าที่ราชการไปแล้วไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลยแม้ข้าราชการผู้นั้นจะมีประวัติการรับราชการที่ดีเพียงใดก็ไม่อาจนำมาพิจารณาเป็นเหตุลดหย่อนโทษในความผิดฐานนี้ได้  จึงฝากไว้สำหรับข้าราชการผู้ใดที่ไม่ประสงค์จะรับราชการแล้ว
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการลาออกจากราชการ เพื่อจะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัยและไม่ต้องเสียสิทธิประโยชน์
บางประการอันตนพึงจะได้รับนะ ขอบอก....

ก.พ.ค.